"อย่ากินข้าวก่อนดูหนังเรื่องนี้ 2 ชั่วโมง"
ถ้อยคำประหนึ่งการท้าทายประสมคำเชื้อเชิญที่ทำให้ใครหลายคนสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ว่ามันมีอะไรถึงต้องไม่ให้เราดูก่อนรับประทานอาหาร หรือเป็นเพียงกลยุทธทางการตลาดเพื่อโปรโมทหนังให้น่าดู และน่าติดตามมากยิ่งขึ้น Aftermath (1994) เป็นผลงานการกำกับสุดสยองของ Nacho Cerdà ผู้กำกับชาวสเปนที่พาคนดูไปเป็นพยานสำคัญในการประกอบพฤติกรรมสุดเพี้ยน และน่าอาเจียนใส่เป็นที่สุด ในบรรดาการจัดอันดับหนังสยองต้องห้าม มักจะมีหนังเรื่องนี้ติดโผอยู่ทุกๆครั้งไป แถมยังได้ชื่อภาษาไทยอย่างไม่เป็นทางการว่า "โคตรพ่อโคตรแม่ SAW" หนังเรื่องนี้เป็นหนึ่งในไตรภาคซึ่งประกอบด้วย birth (The Awakening, 1990), death (Aftermath, 1994) และ rebirth (Genesis, 1998)
ก่อนและขณะที่เขียนบทความนี้ ผมได้อ่านถึงเรื่องราวของการเป็น "กามวิตถาร" (Paraphilias) ในแนวทางของวิชาการ 1 ซึ่งเกี่ยวข้องต่อเนื้อหาของหนังพอสมควร กามวิตถารแบ่งได้หลายประเภทตามอาการ และพฤติกรรมที่ทำให้ตัวเองได้รับความสุขทางเพศ ในทางที่ผิดแผกออกไปจากคนปกติทั่วไป เช่น ชายไทยปกติอย่างเราๆ ดูหนังเอวีของน้องๆทั้งหลายจากญี่ปุ่นก็ได้รับความสุขทางเพศระดับหนึ่ง แต่จะไม่สามารถสะกิดต่อมเสียวของผู้ป่วยเหล่านี้ได้ จึงต้องหาสิ่งเร้าที่พิศดาร หรือแปลกมากๆถึงจะทำให้คนเหล่านี้เกิดความสุขทางเพศขึ้นมาได้บ้าง การเป็นโรคกามวิตถารแบ่งได้หลายอย่าง เช่น
การเกิดอารมณ์ทางเพศจากสิ่งเฉพาะ (Fetishism) วัตถุที่สนใจอาจเป็นชุดชั้นใน, ผ้าอนามัย, รองเท้า ฯลฯ
โรคชอบแต่งกายลักเพศ (Fetishistic transvestism หรือ Transvestic fetishism)
โรคชอบอวดอวัยวะเพศ (Exhibitionism)
โรคถ้ำมอง (Voyeurism)
โรคใคร่เด็ก (Paedophilia)
โรคชอบทารุณ (Sadomasochism)
โรคชอบถูไถ (Frotteurism)
โรคโทรศัพท์ลามก (Telephone scatologia)
โรคกระสันสัตว์ (Zoophilia)
โรคชอบน้ำปัสสาวะ (Urophilia)
โรคชอบอุจจาระ (Coprophilia)
โรคชอบสมสู่กับศพ (Necrophilia)
โรคการมีเพศสัมพันธ์กับศพ (Necrophilia) โรคนี้เกิดจากในวัยเด็กที่ไม่สามารถพัฒนาความสัมพันธ์กับคนอื่นๆได้ จึงเกิดอาการกลัว มีความไม่มั่นใจในตัวเอง เมื่ออาการมากล้นจนสุกงอมแล้ว จึงหาทางออกไปในการมีความสัมพันธ์ทางเพศกับศพ เพราะศพไม่ขัดขืน แสดงอาการคุกคาม ทำให้อาย หรือด่าทอได้ ผู้ป่วยจะมีความตื่นเต้น เกิดเสพติดที่จะต้องสมสู่กับศพคนตายเป็นกิจวัติ และทำให้ผู้ป่วยเหล่านี้ "บางคน" ต้องแสวงหาอาชีพที่จะให้ได้เข้าใกล้กับเป้าหมาย เช่น อาชีพสัปเหร่อ เจ้าหน้าที่ชันสูตรพลิกศพ ฯลฯ (อย่าเหมารวมนะครับ ผมหมายถึงบางคนเท่านั้น)
สัปเหร่อคิ้วงามคนหนึ่งกำลังจะผ่าศพผู้ชายที่คาดว่าประสบอุบัติเหตุมา บังเอิญเหลือบไปเห็นอวัยวะเพศชายของศพ (ขอย้ำว่าของเพศชาย) จึงการคิดย้อนกลับช่วงเวลาที่เขาได้เคยได้รับงานผ่าศพของหญิงสาว ไม่ได้ผ่าเปล่านะครับ พี่แกเล่นอุตริหลายๆอย่างกับศพหญิงสาวรายนี้ อาทิ ใช้มีดทำร้ายที่อวัยวะๆหนึ่ง ขึ้นขย่มข่มขืนบนร่างของของศพ (Necrophilia) พร้อมกันนั้นก็ถ่ายรูปเก็บเอาไว้ สุดท้ายพี่แกก็นำหัวใจของศพห่อใส่ถุงไปฝากสุนัขที่บ้าน แล้วก็นั่งกระดิกเท้าดูทีวีสบายใจเฉิบ
ต้องยอมรับว่าหนังทำเอฟเฟคของศพได้ค่อนข้างเหมือนกับศพคนจริงๆ รวมถึงอวัยวะต่างๆก็ยังสมจริงจนน่าตกใจ มีเพียงจุดหนึ่งที่ดูขัดๆคือ ตัวศพ (ปลอม) ไม่สามารถนั่งงอตัวได้เหมือนกับคนสร้างจะทำมาเพื่อให้นอนเท่านั้น เวลาจับให้ขยับไปมาจะดูแข็งทื่อเหมือนตุ๊กตาที่ไม่มีข้อต่อ ด้านเนื้อเรื่องรวมถึงการพัฒนาของตัวละครทำได้ค่อนข้างจะคับแคบ ไม่ได้สื่ออะไีรกับคนดูแบบเป็นชิ้นเป็นอัน ทำให้ตลอดครึ่งชั่วโมงของคนดูจะไม่ได้อะไรนอกจากภาพการชำแหละ เศษเครื่องใน และเลือดเท่านั้น ฉากดุจริงๆของหนังมีเพียงไม่กี่วินาทีซึ่งนับว่าน้อยมาก ดูเหมือนจะเซ็นเซอร์ตัวเองมากจนเกินงาม หากเทียบคุณภาพความสยองกับหนังรุ่นน้องอย่าง SAW ผมคิดว่า SAW ทำดีกว่าด้วยซ้ำไม่ว่าจะด้านเรื่องราว ฉากโหดสมจริง และความกดดันอันน่าตื่นเต้น
ที่บอกว่าหนังเรื่องนี้เป็น "โคตรพ่อโคตรแม่ SAW" ผมคงพูดได้ไม่เต็มปากเต็มคำนัก
1. ข้อมูลจาก บทความพิเศษ: "โรครักศพ" โดยนายแพทย์เกษม ตันติผลาชีวะ ที่เขียนอย่างได้สาระ และขบขันอย่างยิ่ง อ่าน
No comments:
Post a Comment