Pages

Saturday, September 24, 2011

Paradise Now ไม่มีสวรรค์ ณ ที่นี้



Paradise Now เป็นชื่อเรื่องหนังของปาเลสไตน์ที่ออกไปประกาศให้ชาวโลกรู้ว่า ชาวปาเลสไตน์ไม่ได้มีชื่อเสียงด้านการสงครามเพียงเท่านั้น หากแต่พวกเขายังรู้ซึ้งถึงศิลปะภาพยนตร์อย่างหาตัวจับยาก หนังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยมปี 2006 แต่น่าเสียดายที่ไปไม่ถึงฝัน เนื่องจากหนังโคตรดีอีกเรื่องหนึ่งคือ Tsotsi (2005) คว้ารางวัลในปีนั้นไป 1

นิติภูมิ นวรัตน์ เคยเขียนบนความหนึ่งซึ่งอธิบายความเป็นมาเป็นไปบนแผ่นดินปาเลสไตน์ไว้อย่างเผ็ดร้อน ขอยกมาย่อๆดังนี้ ชาวยิวได้จัดตั้งกลุ่มหนึ่งที่มีชื่อว่า "ไซออนนิสซ์" จัดตั้งขึ้นมาเพื่อชักชวนความยิวทั้งหลายในโลก เข้าไปตั้งถิ่นฐานบนแผ่นดินของปาเลสไตน์ โดยอ้างว่าดินแดนแห่งนี้เมื่อ 2,000 ปีก่อนชนชาวยิวเคยอาศัยอยู่ รวมถึงยกข้อความในคัมภีร์ไบเบิลเรื่องที่พระเยซูได้ยกแผ่นดินแห่งนี้ให้ชาวยิว

ชาวยิวเข้าไปตั้งรกราก ณ ที่นี้มิได้เข้ายึดครองด้วยความรุนแรงอย่างประเทศล่าอาณานิคมทั้งหลาย แต่เป็นการไปซื้อที่จับจองอย่างที่เคยเห็นๆในบ้านเรา ประสงค์คือเมื่อมีคนยิวอาศัยอยู่จำนวนมากแล้ว ก็จะสถาปนาประเทศใหม่ที่ชื่อ อิสราเอล ขึ้นในดินแดนแห่งมุสลิมทันที ต่อมามหาอำนาจอังกฤษและฝรั่งเศสคงมีซูเอี๋ย+ซัมธิงค์กับชาวยิว จึงให้การสนับสนุน "เกิดการอพยพครั้งใหญ่" ของชาวยิวไปยังปาเลสไตน์ กลุ่มประชาชาติอาหรับที่สนับสนุนชาวปาเลสไตน์จึงออกโรงต่อต้านอย่างหนักเพราะเหตุผลการตั้งประเทศอิสลาเอลกลางพื้นที่อาหรับมันดูทะแม่งๆ เด็กประถมสามบ้านเราก็รู้ว่านี่มันเอาน้ำลายแตะชัดๆ



สหประชาชาติเห็นท่าไม่ดี เกรงว่าจะเกิดสงครามขึ้นอีก จึงออกมติพิศดารแบ่งแผ่นดินปาเลสไตน์ออกเป็นสองส่วน โดยฟากหนึ่งให้ชาวยิวปกครองแล้วตั้งรัฐใหม่ขึ้นมาคือประเทศอิสราเอล อีกส่วนหนึ่งเป็นของชาวปาเลสไตน์ฺ มีหรือที่คนพื้นถิ่นชาวปาเลสไตน์จะยอมได้ (นี่มันบ้านเมืองข้านะเว้ย อยู่ดีๆเอ็งมาแบ่งได้ไงฟะ) จึงจัดกองทัพบุกเข้าอิสราเอลเพื่อทวงคืนแผ่นดิน สงครามในที่นี้มีชื่อเรียกว่า สงคราม 6 วัน อียิปส่งกำลังทหารหลายแสนนายพร้อมพันธมิตรอาหรับ เข้าถล่มอิสราเอลที่มีกำลังแค่ 2 แสนเท่านั้น เหตุการณ์กลับตาละปัด! เมื่อชาวยิวเป็นฝ่ายชนะ ยึดดินแดนต่างๆของชาติอาหรับเป็นของตน เช่น ฉนวนกาซา เวสต์แบงค์ แถมขับไล่คนอาหรับออกจากอิสราเอลด้วยอีกต่างหาก

หลังจากนั้นความรุนแรงและการก่อการร้ายก็มีมากขึ้นตามลำดับ ทั้งการจับตัวนักกีฬาเป็นประกันในโอลิมปิกโดยกลุ่มนักรบปาเลสไตน์ "กันยายนทมิฬ" (Black September) และการตอบโต้ของอิสราเอลที่เอาเครื่องบินไปทิ้งระเบิดใส่ฐานของขบวนการปลดปล่อยปาเลสไตน์ (PLO) รวมถึงการตามล้างแค้นสมาชิก PLO โดยหน่วยสืบราชการลับอิสราเอล ที่เรียกตัวเองว่า มอสสาด (Mossad) ดังที่เห็นตัวอย่างในหนังเรื่อง Munich เลยจนถึงการกำเนิดขึ้นของ "กลุ่มติดอาวุธฮามาส" ที่ไม่เห็นด้วยกับการประนีประนอมของ นายอับบาสผู้นำคนใหม่ของ PLO ที่ใช้นโยบายอ่อนข้อต่อประเทศอิสราเอล 2

ฮานี อับบู อาซซาส ผู้กำกับชาวปาเลสไตน์-เนเธอแลนด์ได้เผยภาพของวันสุดท้ายของสมาชิกกลุ่มหัวรุนแรงสองคน ที่ต้องเข้าไประเบิดฆ่าตัวตายในกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสลาเอล ตามประสงค์ที่ทั้งคู่เชื่อว่ามาจากองค์อัลเลาะห์ หนังดำเนินเรื่องด้วยสายตาของ "คาเลด" หนุ่มผู้เห็นถึงความขัดแย้งเกี่ยวกับเรื่องแบ่งแยกดินแดน ดังที่ฉากหนึ่งคาเลดลอบเข้าไปหาหญิงสาวที่ตนสนใจ ซูฮา อัซซาน และถกเถียงกันถึงเรื่องความผิด-ถูกของการตอบโต้รัฐอิสลาเอลด้วยแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน บทสนทนาอันแหลมคมยุติลงเมื่อหญิงสาวถามคาเลดว่า "ถึงจะเถียงกันให้ตาย ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอก"



ฉากหนึ่งที่ซาอิดประกาศสานส์แห่งการต่อต้านอิสลาเอลหน้ากล้องวีดีโออาจทำให้คนดูสะอึก ด้วยถ้อยความจริงที่น่าอับอายต่อประเทศที่ได้ชื่อว่าเจริญแล้ว รวมถึงเสียงขบขันบนโศกนาฏกรรมที่ทั้งคู่กำลังแบกรับไว้ เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไปเมื่อเกิดเหตุฉุกละหุกตอนที่ทั้งสองกำลังจะข้ามผ่านชายแดน ทำให้คาเลดต้องเข้าไปปฏิบัติการระเบิดฆ่าตัวตายในเทลอาวีฟเพียงคนเดียว จุดยืนของกำลังคาเลดเริ่มสั่นคลอนตั้งแต่คุยกับซูฮา มันไม่มีวิธีอื่นใดที่ดีกว่านี้แล้วหรือ?

หนังปล่อยให้เราคิดไปพร้อมกับตัวละครที่ต้องตัดสินใจระหว่างการตอบโต้เพื่อการปลดปล่อยและความชอบธรรมในการมีชีวิตของคนอื่นๆ แม้หนังทำทีตัดสินใจเลือกทางออกแทนคนดู แต่ผลลัพท์ของมันก็ทำให้แต่ละคนสามารถตอบตัวเองได้อย่างดีว่า เราจะต้องลุกขึ้นจับอาวุธสู้ หรือจะปล่อยให้ผู้มีอำนาจกระทำหยามเกียรติของเราต่อไป


1. ถึงไม่ได้ออสกา แต่หนังไปคว้าอีกหลายรางวัล IMDB
2 ขณะที่เขียนนี้นายอับบาสกำลังขอเป็นสมาชิกสหประชาชาติ เพื่อผลในการยกปาเลสไตน์เป็นรัฐใหม่ (Sep 2011)

No comments:

Post a Comment